วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันที่ 6 เที่ยวถ้ำ บาตูเจอร์มิน (Batu Cermin) เมืองลาบวนบาโจ เกาะฟลอเรส พักผ่อนชิลๆ

Sunday 24th May 2015 เป็นวันที่ 6 ของการเดินทางในทริปนี้ครับ วันนี้ตามแผนเดิมคือว่าจะซื้อทัวร์ไปเที่ยวน้ำตกแบบเต็มวันไปทางตะวันออกของเกาะฟลอเรส แต่ค่าทัวร์หารเฉลี่ยกันแล้วแพงพอๆกับไปเที่ยวเกาะโคโมโดเมื่อวาน ก็เลยว่าจะประหยัดตังค์ไว้ช็อปปิ้งที่บาหลีดีกว่า วันนี้กิจกรรมของเราเลยเหลือแค่ไปเที่ยวถ้ำครับ ชื่อถ้ำบาตูเจอร์มิน (Batu Cermin) ถ้ำหินกระจก


วันนี้ตื่นมาสายแบบชิลๆ ชมวิวอ่าวลาบวนบาโจ ที่ระเบียงหน้าห้องครับ


ระเบียงหน้าห้องที่กรีนฮิลล์บูติคโฮเต็ล 


ที่ห้องอาหารเช้าของโรงแรมก็เห็นวิวอ่าวลาบวนบาโจครับ 


กินอาหารเช้าเสร็จก็ลงมาที่รีเซ็ปชั่น ให้หารถให้พาเราไปเที่ยวถ้ำบาตูเจอร์มิน โรงแรมชาร์ต 300,000 รูเปียห์ (819 บาท เฉลี่ยคนละ 136 บาท)แล้วก็มารอดรถหน้าโรงแรม ซึ่งเป็นที่เดียวกับร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อ MadeinItaly ครับ 


ไม่ถึง 10 นาทีโชเฟอร์ก็มาถึงครับ 


ขับมาประมาณ 10 นาก็ถึงออฟฟิซเจ้าหน้าที่ที่ดูแลถ้ำครับใกล้มากๆเลย จ่ายค่าเข้าถ้ำครับ คนละ 10,000 รูเปียห์ (คนละ  27 บาท) และต้องจ่ายค่าไกด์พาเดินด้วยทั้งกรุ๊ปเรา 12,000 รูเปียห์ (32 บาท)


น้องไกด์เสื้อดำคนนี้ครับมาแนะนำตัว ลืมชื่อไปแล้วครับ แล้วก็มีน้องผู้หญิงเสื้อขาวเป็นไกด์เดิมปิดท้ายขบวนครับ


ก่อนเข้าถ้ำ ไกด์ถ่ายรูปให้เราเป็นที่ระทึกก่อน 1 รูปครับ 


มีทางเดินเข้าไปเรียบร้อยครับ เดินชิลๆมาก ผ่านป่าไผ่ไปสัก 5 นาทีก็ถึงปากถ้ำครับ


มีหยุดถ่ายรูปทำสวยเป็นระยะๆ


ถึงปากถ้ำแล้วครับ แต่ไกด์บอกว่าทางนี้คือทางออก ต้องเดินเลี้ยวซ้ายต่อไปอีกนิดครับจะเป็นทางเข้า


ไกด์ชื้ให้ดูรังผึ้งบนหน้าสูงที่ผนังถ้ำด้านนอกครับ


ถึงทางเข้าแล้วครับ ทำบันไดซะดิบดีเลยครับ 


เดินขึ้นไป เจอหินงอกแท่งใหญ่ครับ 


แหงนหน้ามองเพดานถ้ำ เห็นลำแสงลอดเข้ามา


ดูอีกรูปครับ ลำแสงลอดเขามา


ต่อไปเราจะเข้าชมถ้ำมืดกันแล้วครับ ต้องใส่หมวกกันน็อดที่ทางเจ้าหน้าที่ถ้ำเตรียมไว้ให้ 


ก่อนเข้าถ้ำไกด์อธิบายว่ามันลึกประมาณ 50 เมตร ให้เดินช้าๆ อย่าส่งเสียงดัง แล้วก็เข้าไปได้ครับ ไกด์เดินนำหน้าพวกเราเข้าไปก่อน


ขอบอกว่าหมวกกันน็อคมีประโยชน์มากๆครับ หัวโขกผนังถ้ำนับครั้งไม่ถ้วนครับ ถ้าไม่ใส่หมวกกันน็อคมีหวังหัวปูดหัวโนแน่ๆเล 


ไกด์ชี้ให้ดูหินงอกหินย้อยต่างๆ อธิบายว่ารูปร่างเหมือนอะไร 



หินเขี้ยวปิศาจ


ช่วงนี้ต้องลอดครับ คลานเลยครับ


อันนี้เป็นฟิสซิลเต่า ซึ่งเป็นเต่าตัวจริงทั้งตัวที่เป็นซากฟอสซิลครับ สมบูรณ์มากๆ


หินงอกหินย้อยครับ


อันนี้ปูดขึ้นมาเหมือนหัวเด็ก 2 หัว


ถึงช่วงแคบมาก 


แต่พอเข้ามาก็เป็นโถงและมีแสงลอดมาจากบนถ้ำเป็นลำแสงสวยงามครับ 


กลับมาย้อนทางเดิมแยกไปอีกทาง เป็นห้องโถงมืด ไกด์ให้เราปิดไฟฉาย ห้ามคุย ห้ามส่งเสียง อยู่ในความมืดและเงียบ 1 นาที ขอบอกว่ามันเงียบมากครับ ไมได้ยินเสียงใดๆเลย แล้วก็กลับออกมาทางเดิมคืนหมวกกันน็อคตรงปากทางเข้าเมื่อครู่


ไกด์พาเดินมาอีกทาง เพื่อไปหาทางออก มีประตูให้เข้าไปข้างใน


ประตูใหญ่ครับ ไม่ใช่เล็กนะ เที่ยวกับนายแบบครับ 


แล้วก็เป็นทางลงไปแบบนี้


แล้วก็เจอทางออกครับ ด้านขวามือเห็นทางเดินที่จะเดินไปทางเข้าถ้ำครับ


ธรรมชาติร่มรื่นดีครับ


ได้เวลกลับ ก็เดินออกมาทางเดิม เจอร้านค้าแต่เหมือนจะปิด เพราะท่าทางไม่มีนักท่องเที่ยวมาที่นี่เยอะเท่าไหร่ครับ  ก่อนกลับให้ทิปน้องไกด์คนละอีก 30,000 รูเปียห์ครับ เป็นค่าตอบแทนที่คุยสนุกและความตั้งใจกระตือรือร้นที่จะอธิบายลูกทัวร์เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ


ได้เวลากลับแล้วครับ โชเฟอร์จอดรอเราอยู่แล้ว 


ป้าส้มตูดใหญ่ ต้องนั่งข้างหน้ากับคนขับเท่านั้น


กลับมาถึงโรงแรมก็นัดโชเฟอร์ให้มารับเราไปสนามบินพรุงนี้ตอน 6 โมงเช้า จะบินไปบาหลีพรุ่งนี้ครับ หาข้าวกินดีกว่า ผ่านท่าเรือที่เราไปทริปมาเมื่อวานอีกแล้ว 


จะบอกว่าตู้เอทีเอ็มที่ลาบวนบาโจเส้นหน้าโรงแรมเรามีหลายตู้มากครับ แต่กดได้ครั้งละ 1,250,000 รูเปียห์เท่านั้นเองครับ เลยต้องกดหลายรอบมาก กลับมาดูแต่ละครั้งที่กดตังค์ต่างประเทศที่อินโดนนีเซีย บัญชีโดนหักไปครั้งละ 100 บาททุกครั้งที่กดครับ 


ถ่ายหน้าโรงแรมและร้านอาหารเมดอินอิตาลี่ครับ 


ชิลๆหน้าห้องนั่งชมวิวเดิม นอนตากแอร์


เจอโคโมโดขนาดย่อมด้วยครับ บนกำแพงโรงแรม


ตอนเย็นมีเรือโดยสารลำใหญ่มาจอดเทียบท่ารับส่งผู้โดยสาร เขียนบนเรือว่า Tomini เลยสันนิษฐานว่าเป็นเรือโดยสารไปเกาะสุลาเวสีที่อยู่ด้านบนเกาะฟลอเรสครับ (ดูบล็อกที่ผมเขียนเอาไว้ตอนไปเที่ยวเกาะสุลาเวสีที่ลิงค์นี้ครับ)


วิวยามบ่ายระเบียงโรงแรม


วิวท่าเรือลาบวนบาโจ


เรือ Tomini ยังจอดอยู่เลยครับ ยังไม่ไป หรือว่าจอดค้างคืนก็ไม่รู้ หาข้าวผัดไก่ข้างถนนกินดีกว่าคืนนี้



ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น