วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันที่ 3 รีวิวการเดินทางจากลอมบ็อกสู่ลาบวนบาโจเกาะฟลอเรส รถบัสข้ามเฟอรรี่สู่เกาะซุมบาวา นั่งรถบัสทั้งคืนเพื่อไปต่อรถบัสเล็ก และเฟอรี่อีก 6 ชั่วโมงถึงลาบวนบาโจ

Thursday 21st May 2015 วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤษภาคม 2558 วันที่ 3 ของการเดินทางทริปนี้ครับ  เช้านี้ก็ไม่มีอะไรทำ พวกเราเลยตื่นสายกัน ตอนแรกกะว่าจะไปเดินเล่นชายหาดแต่มันร้อนสุดจะทน เลยอยู่ที่ห้องอาบน้ำ รอทานอาหารเช้าที่ป้าคาโอริเตรียมไว้ให้เหมือนเดิม สักพักเริ่มหิว ก็เลยเดินไปกินข้าวผัดไก่นาซีโกเร็งอะยัม ร้านลุงปากซอยอีกรอบ แถมสั่งเป็นห่อเก็บไว้เป็นเสบียงระหว่างทางด้วยครับ เพราะอร่อยและลุงขายราคาถูกมาก ข้าวจานละ 10,000 รูเปียห์ (27 บาท) ใส่ห่อก็ราคาเท่ากัน จองรถกับเจ๊คาโอริไว้แล้วว่าให้น้องเจลแลนด์ไปส่งพวกเราที่สนามบิน เจ๊คาโอริคิดค่าทรนส์เฟอร์ 150,000 รูเปียห์ (409 บาท) นัดเจลแลนด์ไว้ 11:00 เช้าครับ จัดการเอากระเป๋าขึ้นรถคันเดิมที่พาเราทัวร์เมื่อวาน เกือบใส่ไม่พอทั้งคนทั้งกระเป๋าแต่สุดท้ายก็ยัดกันมาได้ลงตัวพอดี เจลแลนด์พาพวกเราม่งหน้าสู่ Mataram ประมาณครึ่งชั่วโมง พอเราไปบริษัทที่ซื้อตัวเมื่อวาน พอเราเห็นปุ๊บก็บอกว่าไม่ใชที่นี่ เขาให้ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่ง Mandalika น้องเจลแลนด์นี้ท่าจะมึนเล็กน้อยแต่ก็ให้อภัยครับ เวลาเหลืออีกถมถึดเลย 


มาถึงสถานีก็ร่ำลาน้องเจลแลนด์กันครับ ให้ทิปน้องเขาไปอีก 30,000 รูเปียห์ สำหรับวันนี้ที่พาเรามาส่ง เสร็จแล้วก็ขึ้นมาสำรวจบนรถถ่ายรูปทันที 


ให้ดูรถบัสของบริษัท Langsung Indah  ที่เราไปซื้อตั๋วเมือวานครับ และสภาพโดยรวมของสถานีขนส่งมันดาลิกา ที่มาตาราม ลอมบ็อกครับ 


เดินออกไปถ่ายป้ายข้างหน้าให้ด้วยครับ Terminal Mandalika


รถบัสสีฟ้าในรูปข้างบนนี้ครับ ของอีกบริษัทหนึ่ง ชื่อว่า Surya Kencana อาจจะอ่านออกเสียงว่าสุริยา กาญจนา ก็ได้นะครับเนี่ย ภาษาอินโดนีเซียหลายคำมากเลยนะครับที่คล้ายๆ หรือเหมือนคำภาษาไทยครับ แต่ดูแล้วสภาพรถบัสสุริยา กาญจนาก็พอๆกับลังซุง อินด๊ะครับ ที่จริงไม่ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าก็ได้ ที่ตรงปากทางเข้า นายหน้าเต็มเลยครับ ถามว่าเราไปไหน ไปซาเป้มั้ย ราคาที่เราซื้อจากบริษัทโดยตรงคือคนละ 300,000 รูเปียห์นะครับ (819 บาท) ซื้อจากบริษัทโดยตรง ถ้าใครมาซื้อกับนายหน้าพวกนี้ก็ลองต่อรองราคาให้ได้ประมาณนี้ครับ 


เวลาเหลืออีกประมาณ 3 ชั่วโมงเราเดินหาตู้เอทีเอ็มเพื่อกดตังค์ครับ เดินออกไปนอกสถานีไปเจอธนาคาร NBI แต่กดตังค์ไม่ได้ น่าจะระบบล่ม เลยกลับเข้ามาในอาคารหาซื้อของที่ระลึกเล่นๆ ซื้อสละอินโด อร่อย กรอบดีครับ สละอินโดผมชอบกินมาก ส่วนผลไม้อย่างอื่นก็คล้ายๆ หรือเหมือนบ้านเราเลยครับ ตามในรูป


น้องออดี้เหมาร้านนี้ซะจนแม่ค้ายิ้มแก้มปริ ของถูกมากๆครับ หมดไปประมาณ 1000 บาท แต่ได้เสื้อ ได้ผ้ามาเต็มเลยครับ ต้องบอกเตือนว่าเราเพิ่งเริ่มทริปนะ อย่าเพิ่งช็อป ค่อยไปช็อปที่บาหลีก็ได้ 


ระหว่างที่นั่งรอก็หิวข้าว ไปกินข้าวในร้านมีกับข้าวพวกปลาทอด เต้าหู้ทอด กินกับ ซัมบาล (Sambal) คือพริกป่นมันๆ คล้ายๆน้ำพริกเผาบ้านเรา อร่อยดีครับ เผ็ดๆหวานๆ เปรี้ยวๆ กินเสร็จก็มานั่งรอเวลา มีบรรดาพ่อค้าแม่ขายมาเสนอขายของทุกอย่าง โดยเฉพาะแหวน สวยๆครับ แต่เสียดายตังค์ไม่อยากซื้อเยอะมาก เราเพิ่งเริ่มทริปได้แค่วันที่สามเองนะ


เอาตั๋วมาโชว์ให้ดูอีกรอบ ระบุเวลารถออก 14:30 น. แต่ออกจริงๆคือ 15:00 น. ครับ 


ระหว่างที่รอรถออก พี่โชเฟอร์แกเล่นสูบบุหรี่ในรถบัสติดแอร์กันเลยครับ เหม็นไปทั้งคัน ตอนแรกคิดว่าแกจะรอสูบให้หมดแล้วเลิกสูบ ที่ไหนได้ครับ พี่แกเล่นสูบทั้งคืนเลยจริงๆครับ แบบว่าสูบมวนต่อมวน สร้างความอัดอัดให้ลุงเสริมพ่อผมเป็นอย่างยิ่ง เพราะแกแพ้ควันบุหรี่ หายใจไม่ออกต้องเพิ่มแอร์ ให้ยิงไปตรงจมูกแกแล้วหาผ้าปิดจมูกให้ แต่ทั้งรถบัสไม่มีใครไปด่าโชเฟอร์เรื่องสูบบุหรี่ทั้งคืนเลยครับ คนอินโดท่าทางชิลมากกับเรื่องคนสูบบุหรี่ไม่รู้จักกาละเทศะเช่นนี้ 


รถออกแล้วก็ชมวิถึชีวิตบ้านเรือ ผู้คนไปด้วย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รถบัสจะพาเราเลียบชายฝั่งแบบนี้วิวสวยดีครับแต่ถ่ายรูปมาลำบากมากครับ ติดต้นไม้ตลอดเลย 


รูปนี้บ้านคน ไม่ได้ตั้งใจอัพโหลดขึ้นมาเลย มันติดมา 


เวลา 17:15 น. เราก็มาถึงท่าเรือ Labuhan Lombok ซึ่งอยู่ด้านตะวันออกของเกาะลอมบ็อก เพื่อจะขึ้นเรือเฟอรี่ข้ามไปยังเกาะซุมบาวาครับ 


รถบัสเข้าคิว ซื้อตั๋วรับบัตร 


บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายก็ขึ้นมาขายของทันทีครับ 


สับปะรดที่นี่เล่นขายมาเป็นพวงอย่างนี้เลยครับ 


ของป้าคนนี้ก็ขายขนมและผลไม้ ส่วนป้าข้างหลังขายข้าวครับ เราเลยซื้อกันคนละห่อ ห่อละ 10,000 รูเปียห์ครับ (27 บาท) ไม่มีช้อนให้ (อย่าลืม ต้องเตรียมไปจากประเทศไทยเองนะครับ)


รถบัสคันของเรา กำลังจะขึ้นเรือเฟอรี่ครับ 


พอรถจอดแล้วทุกคนต้องลงจากรถหมดครับ ขึ้นไปหาที่นั่งชั้นบน 


พี่คนนี้ขายลูกชิ้นนึ่งดูน่ากินดีครับ แต่ผมกลัวว่าเป็นเนื้อควาย เพราะเคยโดนหลอกให้กินเนื้อควายมาแล้วที่สุลาเวสีทริปเมื่อหลายปีก่อน ที่จริงกินได้ แต่กลิ่นมันแรงกว่าเนื้อวัวเยอะ ผมไม่ค่อยชอบ


เรือเฟอรี่ลำที่จอดอยู่ข้างๆลำเราที่ท่าเรือครับ เล็กกว่าเฟอรี่เกาะสมุยเยอะเลยครับ 


บรรยากศบนเรือครับ ให้ความรู้สึกว่าอยู่บนเรือเฟอรี่สมุยเด๊ะ 


เห็นคนเยอะ เลยขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า ชมวิวแทนครับ 


แล้วก็หาที่นั่งเกาะข้าวห่อไปตองที่ป้าๆเอามาขายบนรถบัสเมื่อครู่ เป็นข้าวผัดเครื่องแกงไก่ มีมาม่ามาผสมนิดหน่อย และก็มีผักและซัมบาลเหมือนเดิม แยกชั้นระหว่างกับข้าวและข้าวด้วยใบตอง แต่ข้าวเยอะมาก กับน้อย กินข้าวแทบไม่หมด 


ผู้หญิงคนกลางในรูปเธอคิดว่าเธอสวย เธอเลยไปยืนเป็นแบ็คกราวน์ให้คนอื่น


ในทะเลมีเฟอรี่หลายลำมากครับ แสดงว่าระหว่างลอมบ็อกกับซุมบาวาต้องมีเรือหลายเที่ยวต่อวันมากๆ


ป้าส้มห่อเดียวก็ไม่พอ ต้องงัดนาซีโกเร็งอะยัมร้านลุงปากซอยมากินด้วย หลังจากกินห่อนี้เสร็จ 


ไปได้ช้อนมาจากไหนไม่รู้ 


ใกล้ๆแล้ว Nearly Sunset


ย้อนแสง เลยดูมืด แต่จริงๆแล้วไม่ได้มืดนะครับ  เรือเฟอรี่ออกเวลา 18:00 น. ครับ 


ให้ดูว่าบนเรือเฟอรี่มีมินิบาร์ขายขนม /  น้ำ ด้ย 


ห้องละหมาดก็มีครับ


ห้องผู้โดยสาร


แต่เราไม่นั่งชั้นล่างครับ ลงไปสำรวจเฉยๆ นั่งข้างบนดาดฟ้า น้องสาวอินโดเหมาสับปะรดป้าเมื่อกี้ซะหมดพวงเลย 


ถึงท่า Labuhan Tono เกาะซุมบาวาเวลา 20:00 น. ครับ ใช้เวลาข้ามเกาะ 2 ชั่วโมงเลยครับ สัมผัสเกาะซุมบาวาให้ความรู้สึกว่าเป็นเกาะที่มืดมาก เหมือนกับว่าแทบจะไม่มีบ้านคนอยู่เลย มืดจริงๆ รถบัสก็วิ่งไปเรื่อยๆ ขอบอกว่าถนนเกาะซุมบาวาเนี่ย เป็นโค้งเลี้ยวลดคดเคี้ยวมาก มีอยู่โค้งหนึ่งโค้งมากเกือบ 360 องศาเหมือนวงกลมเลยครับ ซึ่งขอบอกว่าต้องนั่งแบบนี้ทั้งคืนครับ ไม่กล้าหลับ เพราะหลับแล้วจะตกเก้าอี้แน่ๆ แถมพี่โชเฟอร์แกก็เร็มอัดบุหรี่มวนต่อมวนไม่หลุดเหมือนกัน 


ประมาณสามทุ่มครึ่ง 21:30 น. เราก็มาถึงร้านอาหาร รามายณะ (Rumah Makan Ramayana)


รถจอดให้กินข้าวที่นี่ 20 นาที 


เข้าแถวตักอาหาร ราคาอาหารรวมในตั๋วแล้วเรียบร้อยครับ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม


ให้ดูนาฬิกา ว่ามันประมาณ 3 ทุ่มครึ่งจริงๆ 


กระกระจาด และกระดาษมารอง แล้วตักข้าว


กับข้าวเขาเตรียมไว้เป็นชุดๆแบบนี้ครับ มีปลาทอดกับเต้าหู้ทอด


มีข้าวเกรียบและน้ำซุปต้มผัก รสชาติเหมือนต้มจืดใบตำลึงบ้านเราครับ (แต่ไม่ใส่เนื้อใดๆ) อร่อยดีครับ

กินเสร็จแล้ว ก็ขอบอกว่าควรเข้าห้องน้ำทำธุระให้เรียบร้อย เพราะหลังจากนี้โชเฟอร์จะยิงยาว ไม่จอดที่ไหนแล้วครับ จนถึงบีม่า (Bima) ตอนหัวรุ่ง บนรถบัสมีห้องน้ำ แต่ถ้าปวดฉี่ขอบอกว่าทรมานมาก ต้องนั่งฉี่แบบผู้หญิงเลยครับ เพราะโค้งวกไปวนมาทั้งคืนจริงๆ ฉี่ลำบากมากกกกกกก... ราตรีสวัสดิ์ครับ คืนนี้ 


2 ความคิดเห็น :